แนะนำ 10 Crypto Wallet ที่ดีที่สุด ปี 2024 (ใช้อันไหนดี?)

กุญแจสู่ความสำเร็จในการลงทุน crypto มักจะอยู่ที่การเลือกกระเป๋าเงินคริปโตที่ดีที่สุด ซึ่งกระเป๋า Crypto ช่วยเก็บโทเค็นของคุณให้ปลอดภัย และช่วยอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมได้อย่างราบรื่น

ในบทความนี้ เราจะมารีวิวเจาะลึกว่าควรเลือกใช้กระเป๋า crypto wallet อันไหนดีที่มีอยู่ในตลาด โดยพิจารณาจาก:

• ความปลอดภัยและความปลอดภัย
• ค่าธรรมเนียมในการส่งและรับคริปโต
• ความง่ายในการใช้งาน
• ประเภทอุปกรณ์ – เช่น อุปกรณ์เคลื่อนที่ เดสก์ท็อป ฮาร์ดแวร์ หรือแบบออนไลน์
• ฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น บริการ exchange และ swap

มาดูกันเลยดีกว่า

รีวิวสุดยอดกระเป๋า Bitcoin

1. Best Wallet – Crypto Wallet นิยามใหม่ของการจัดการสินทรัพย์ Crypto ผ่านการรักษาความปลอดภัยและเครื่องมือที่ไม่เหมือนใคร

การตามหาวอลเลท apt wallet ดีๆซักอัน มักจะยุ่งยากหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแพลตฟอร์มใหม่ ๆ ที่เปิดตัวทุกวัน

“Best Wallet” คือแพลตฟอร์มแบบกระจายอำนาจสำหรับการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล รอการเปิดตัว กระเป๋าเงิน Web3 นี้กำลังสร้างความฮือฮาในชุมชน crypto

นอกเหนือจากการจัดเก็บ ส่ง และรับเหรียญคริปโตและสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ แล้ว วอลเลทนี้ยังให้คุณจัดการพอร์ตการลงทุน NFT ในอนาคตข้างหน้า ผู้ใช้จะได้เห็นคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับ NFT มากขึ้น เช่น การดูประวัติ NFT ของคุณและการแลกเปลี่ยน ETH ในแอป

นอกจากนี้ ความเข้ากันได้ของ Best Wallet กับบล็อกเชนจำนวนมากช่วยให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นกับระบบ DeFi ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะทำธุรกรรมบน Ethereum, Binance Smart Chain หรือ Polygon ทางแพลตฟอร์ม Best Wallet สามารถรองรับความต้องการของคุณได้

นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยี AI ในรูปแบบของ ChatBot ที่ออกแบบมาเพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องและรวดเร็วในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารหัสลับ เทคโนโลยีนี้สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพอร์ตโฟลิโอส่วนบุคคลในขณะที่ช่วยคุณในการนำทางแพลตฟอร์ม เป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ช่วยจัดการสินทรัพย์ crypto ของคุณด้วยข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์

กระเป๋าเงินยังเน้นความปลอดภัย การรวมการเข้ารหัสขั้นสูง การยืนยันตัวตนแบบหลายปัจจัย และไบโอเมตริกซ์

ยิ่งไปกว่านั้น แผนงานของ Best Wallet เริ่มต้นด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยที่กล่าวถึงข้างต้นในเฟส 1 ควบคู่ไปกับฟังก์ชันการทำงานของกระเป๋าเงินหลักและตัวเลือกการชำระเงินแบบ fiat สุดท้ายนี้ ผู้ใช้จะได้รับฟีดข่าวคริปโตและเนื้อหาด้านการศึกษาเพื่อช่วยให้พวกเขารับทราบข้อมูลอยู่เสมอ

โทเค็นของแพลตฟอร์ม $BWAT มอบสิทธิประโยชน์มากมาย เช่น การเข้าถึงก่อนการขายรอบพรีเซล หรือรางวัล staking และคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ ขณะนี้กระเป๋าเงินยังไม่พร้อมใช้งาน แต่คุณสามารถเข้าร่วมรายการรอเพื่อเป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรกๆ ที่จะได้สัมผัสกับกระเป๋าเงิน

ไปยัง Best Wallet ตอนนี้

2. Exodus – Hot Wallet ที่ใช้งานร่วมกับ Trezor พร้อมรองรับ 300 เหรียญและ 50 เครือข่าย

ต่อไปสำหรับใครที่ไม่รู้ว่ากระเป๋าเงินดิจิตอล อันไหนดี? เราขอแนะนำ Exodus ซึ่งเป็น Non-custodial Wallet ที่เป็นที่รู้กันดีว่ามีมาตรฐานความปลอดภัยในระดับสูง ที่สำคัญ ยังเป็น Hot Wallet ที่ใช้งานร่วมกับ Trezor ได้ หมายความว่าตัวกระเป๋าจะจัดเก็บ Private Key เอาไว้โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ Exodus ยังใช้งานระบบยืนยันตัวตนแบบสองชั้น การยืนยันแบบไบโอเมทริกซ์ และการป้องกันด้วยรหัส PIN

Exodus ยังเป็นกระเป๋าคริปโตที่เหมาะสำหรับนักเทรดมือใหม่มากที่สุด พร้อมรองรับเหรียญคริปโตกว่า 300 สกุลและเครือข่ายอีกกว่า 50 เครือข่าย นอกจากนี้ ตัวกระเป๋ายังมาพร้อมกับฟีเจอร์แลกเปลี่ยนเหรียญและตลาดสำหรับเหรียญในเครือข่าย Solana

Exodus มาพร้อมกับแอพที่ใช้งานได้บนคอมพิวเตอร์และมือถือ พร้อมส่วนขยายบน Chrome ซึ่งตัวแอพจะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้แลกเปลี่ยนเหรียญโดยตรงผ่าน DEX และ CEX ที่ให้บริการโดยรายอื่น

นักเทรดสามารถซื้อเหรียญที่ต้องการได้ผ่าน Wallet โดยใช้ MoonPay, Ramp, และ Sardine ทั้งยังสามารถเพิ่มเหรียญแบบกำหนดเองและรับ NFT ได้อีกด้วย

และสุดท้ายนี้ Exodus ยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ทำเงินได้จากรางวัล Staking ที่มาพร้อมกับผลตอบแทนต่อปีมหาศาล ที่สำคัญ ผู้ที่ล็อคเหรียญจะสามารถเปิดตัวเลือกการนำเหรียญไปล็อคใหม่ (Restaking) เพื่อประหยัดค่าการ Staking ลงได้อีกด้วย โดยตัวเลือกดังกล่าวก็เปิดให้ใช้งานทั้งบนแอพมือถือและคอมพิวเตอร์

ไปยัง Exodus

3. Zengo – กระเป๋า Crypto ที่มาพร้อมประวัติความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมและรองรับเหรียญคริปโตกว่า 120 สกุล

Zengo เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งในขณะนั้น ตัวกระเป๋าก็มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 ล้านคนและยังไม่มีการรายงานการแฮ็กแม่แต่ครั้งเดียว โดยตัว Wallet ได้รับการป้องกันโดยการเข้ารหัสแบบ Multi-Party Computation (MPC) และผ่านการตรวจสอบประจำปีโดยหน่วยงานตรวจสอบที่แตกต่างกันไปในแต่ละปี

ผู้ใช้ Zengo Wallet จะสามารถซื้อ ขาย และเทรดเหรียญคริปโตได้มากกว่า 120 สกุล รวมถึง NFT จาก Blockchain มากมาย ส่วนเครือข่ายที่ได้รับการสนับสนุน ได้แก่ Bitcoin, Ethereum, Binance Smart Chain, Chainlink, และ Polygon นอกจากนี้ ตัวกระเป๋ายังรองรับเหรียญในกลุ่ม ERC20 ชื่อดังอีกหลายสกุล

ตลาด dApp เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้ค้นหาและเชื่อมต่อเข้ากับ dApp ต่างๆ ได้ มาตรฐานอุตสาหกรรมของ WalletConnect ที่ใช้ในการอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อและการโต้ตอบกับ dApp ได้อย่างราบรื่น

Zengo พร้อมสนับสนุนลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง และด้วยรีวิวจากผู้ใช้มากกว่า 600 ราย Zengo จึงมีคะแนนที่น่าประทับใจบน Trustpilot อยู่ที่ 4.2 ดาว

ส่วนใครที่อยากเพิ่มความปลอดภัยจากการถือเหรียญคริปโตมากขึ้นก็ควรใช้งาน Zengo ในเวอร์ชัน Pro ที่มีราคาอยู่ที่ $69.99 ต่อเดือน ซึ่งก็มาพร้อมกับความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นมามากมาย ดังนี้:

• ไฟร์วอลล์ Web 3.0: รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการแฮ็กและการป้องกันการโจมตีเกี่ยวกับ Web 3.0
• การป้องกันการโจรกรรม: ป้องกันธุรกรรมขนาดใหญ่ (เกินขีดจำกัดที่ผู้ใช้กำหนด) ด้วยกลไกตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย
• การโอนสินทรัพย์ที่มีไปยังที่ปลอดภัย: โอนสินทรัพย์ไปยังที่อยู่อื่นที่กำหนดไว้ล่วงหน้าโดยอัตโนมัติ หลังจากไม่มีการใช้งานในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
• ฝ่ายสนับสนุนให้ความสำคัญมากขึ้น: รับประกันว่าจะมีการตอบกลับภายใน 1 ชั่วโมง และโดยปกติจะตอบกลับภายใน 5 นาที

ไปยัง Zengo Wallet ตอนนี้

4. Ellipal – กระเป๋าเงินที่ผ่านการรับรอง CC EAL5 พร้อมรองรับเหรียญ 10,000 สกุล Blockchain กว่า 40 เครือข่าย

Ellipal เป็นกระเป๋าเก็บเหรียญคริปโตที่ดีที่สุด พร้อมรองรับเหรียญคริปโตกว่า 10,000 สกุลและ Blockchain อีกกว่า 40 เครือข่าย ทั้งยังเป็น Hardware Wallet แบบมี Air-gap ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตร่วมด้วยแต่อย่างใด แต่จะใช้รหัส QR ในการทำธุรกรรม ซึ่งทำให้มีความปลอดภัยกว่า Crypto Wallet ที่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ Ellipal ยังเหมาะกับผู้ใช้งานมือใหม่ด้วยเช่นกัน โดนมาพร้อมกับหน้าจออินเทอร์เฟซที่ใช้ง่ายพร้อมตอบสนองอย่างรวดเร็ว ทั้งยังใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีในการตั้งค่าเริ่มใช้งาน โดยระบบป้องกันความปลอดภัยของตัวกระเป๋าก็มาพร้อมกับระบบทำลายตัวเองอัตโนมัติและตัวเลือกกระเป๋าสำรองที่จะไม่มีการเปิดเผย Ellipal ยังผ่านการรับรอง CC EAL5+ อีกด้วย

เมื่อพูดถึงความเข้ากันได้กับอุปกรณ์ Ellipal ก็สามารถใช้งานได้ทั้งบน Android และ iOS รวมถึง dApp ต่างๆ โดยรองรับสูงสุด 10 บัญชีและมีพื้นที่เก็บเหรียญไม่จำกัด Ellipal ถือเป็นกระเป๋าที่เหมาะสำหรับนักเทรดคริปโตที่เดินทางบ่อยมากที่สุด เพราะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 1400 mAh ที่สามารถใช้งานได้นานถึง 140 ชั่วโมงเลยทีเดียว

ไปยัง Ellipal

5. Ledger – Hardware Wallet ยอดนิยมที่รองรับเทคโนโลยีบลูทูธ

Ledger เป็นกระเป๋าอันดับต้นๆ ที่เหมาะสำหรับการจัดเก็บเหรียญคริปโตมากที่สุด โดยสามารถเก็บเหรียญได้มหาศาลและมาพร้อมกับการเชื่อมต่อบลูทูธ ใครที่อยากเก็บเหรียญ คงไม่มีตัวเลือกไหนจะเหมาะไปกว่านี้อีกแล้ว

Ledger เป็น Hardware Wallet ในรูปแบบของอุปกรณ์ขนาดเล็กที่จะจัดเก็บ Private Key ของเหรียญคริปโตเอาไว้อย่างปลอดภัย และจะไม่มีการนำรหัสไปเปิดเผยที่อื่น เพื่อให้มั่นใจได้ว่ารหัสจะถูกเก็บไว้แบบออฟไลน์และปลอดภัย ทั้งยังหมายความว่า Ledger เก็บเหรียญไว้ใน ‘Cold Storage’ ซึ่งทำให้มีความปลอดภัยในระดับสูงขึ้นไปอีก

หากทำการโอนเหรียญจากกระเป๋า ธุรกรรมจะถูกเขียนลงบนตัวอุปกรณ์เอง ไม่ใช่เขียนลงบนอุปกรณ์อื่นที่อาจเชื่อมต่ออยู่ ซึ่งจะช่วยป้องกัน Private Key จากมัลแวร์และโอกาสการในการถูกแฮ็กได้ ทำให้เป็นกระเป๋าที่มีความปลอดภัยเหนือกว่า Software Wallet ทั่วๆ ไปทีเดียว

สุดท้ายนี้ Ledger ใช้งานองค์ประกอบด้านความปลอดภัยที่จะช่วยเพิ่มการป้องกันไปอีกชั้นหนึ่ง ทำให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ตัวกระเป๋าเงินจะถูกแฮ็ก Ledger Nano X ยังถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับเก็บ Terra Luna และเหรียญคริปโตสกุลอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

ไปยัง Ledger

6. Trezor – Hardware Wallet สำหรับเก็บบิทคอยน์ที่ปลอดภัย

Trezor คือ Hardware Wallet ที่คุณจะได้เก็บสินทรัพย์คริปโตไว้ในอุปกรณ์ที่จับต้องได้ สำหรับใครที่ไม่รู้ Hardware Wallet ถือเป็นวิธีการเก็บเหรียญคริปโตที่ปลอดภัยที่สุดก็ว่าได้ และเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น Hardware Wallet อย่าง Trezor จะสามารถเก็บเหรียญได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแต่อย่างใด

แและด้วยเหตุนี้ การเก็บเหรียญแบบนี้ทำให้โอกาสในการถูกแฮ็กจากที่อื่นนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย และทางเดียวที่จะทำให้ Trezor Wallet สามารถโอนเหรียญเข้าออกได้ก็คือการใส่รหัส PIN ที่คุณใช้ในการตั้งค่าตัวกระเป๋าเงินเท่านั้น หากใส่รหัสผิดถึงจำนวนครั้งที่กำหนดไว้ ฟีเจอร์การล็อคเวลาก็จะเริ่มทำงานทันที ซึ่งระยะเวลาการรอในการใส่รหัส PIN จะเพิ่มขึ้นอีกสองเท่า

ด้วยเหตุนี้ หาก Trezor Wallet ของคุณถูกขโมย คุณก็จะยังมีเวลาพอที่จะกู้เหรียญที่เก็บไว้จากอุปกรณ์อื่นได้ ซึ่งสามารถทำได้โดยการใส่รหัสรหัสผ่านสำรอง Trezor ของคุณลงใน Wallet อีกอัน

แม้ว่า Trezor จะมาพร้อมกับความปลอดภัยระดับสถาบันสำหรับการลงทุนในเหรียญคริปโต แต่ก็คงจะไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะนักหากคุณโอนและรับเหรียญคริปโตเป็นประจำ เนื่องจากคุณต้องใช้งานกระเป๋าเงินเพื่ออนุมัติการทำธุรกรรมทุกครั้ง และสุดท้ายนี้ Trezor มีราคาอยู่ที่ประมาณ $85

ไปยัง Trezor

7. OKX Wallet – กระเป๋าเก็บเหรียญดิจิตอลสำหรับนักเทรดที่ชื่นชอบ NFT

OKX Wallet เป็นอีกหนึ่งกระเป๋าเก็บเหรียญคริปโตที่คงจะถูกใจนักเทรดที่ชื่นชอบ NFT อยู่ไม่น้อยทีเดียว โดยนอกจากจะทำหน้าที่เป็นกระเป๋าเก็บเหรียญคริปโตแล้ว OKX ยังมาพร้อมกับแพลตฟอร์มรวบรวมรายชื่อ NFT ที่ทำงานแบบ Cross-chain โดยจะไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมแต่อย่างใด

OKX Wallet จะดึงดูดผู้ใช้ให้เข้ามาใช้งานในยุค Web 3.0 ได้แบบไร้รอยต่อ โดยทำงานเป็นทั้งกระเป๋าเงิน, แพลตฟอร์มรวบรวม NFT, และกระดานแลกเปลี่ยนในที่เดียว นอกจากนี้ยังรองรับ Blockchain มากกว่า 50 เครือข่ายผ่านเทคโนโลยี Cross-chain และยังเปิดให้บริการทั้งบนมือถือ (iOS และ Android) และคอมพิวเตอร์อีกด้วย

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือมืออาชีพ คุณก็สามารถบริหารจัดการเหรียญคริปโตที่เก็บไว้ผ่าน 50 เครือข่ายด้วยกัน ต้องขอบคุณเทคโนโลยี Cross-chain อันน่าทึ่งของ OKX โดยคุณจะสามารถเข้าถึงเหรียญได้ง่ายๆ เพียงปลายนิ้ว

ส่วนใครที่อยากทำเงินเพิ่มเติม เราก็ขอแนะนำฟีเจอร์ ‘Earn’ ที่เปิดโอกาสให้ทำเงินจากเหรียญคริปโตกว่า 100 สกุล ซึ่งก็มาพร้อมกับอัตราผลตอบแทนและเงื่อนไขที่ถูกระบุเอาไว้อย่างชัดเจน พร้อมเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถเลือกเทรดเหรียญที่มีเรทราคาถูกที่สุดได้อย่างสะดวกสบาย

ไปยัง OKX Wallet

8. Binance Wallet – สุดยอด Wallet สำหรับการการเทรด

Binance เป็นผู้นำในภาคส่วนเทคโนโลยีสกุลเงินดิจิทัลและบล็อกเชน Binance มีชื่อเสียงในด้านปริมาณการซื้อขายสูงสุดในบรรดากระดานแลกเปลี่ยน altcoin และเป็นแหล่งรวมสินทรัพย์ crypto ที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ Binance ยังมีเครือข่ายของตัวเอง ซึ่ง เปิดให้สร้างโทเค็นแบบกระจายอำนาจนับพันเหรียญ สิ่งนี้ทำให้ Binance จึงเป็นกระเป๋าเก็บบิทคอยน์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการทั้งบริการจัดเก็บและบริการซื้อขาย Bitcoin

นักลงทุนจำนวนมากชอบใช้เว็บวอลเล็ต Binance หลักในการจัดเก็บโทเค็นเนื่องจากความสะดวก เว็บวอลเล็ตสามารถเชื่อมต่อกับแอพ Binance ได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถติดตามการลงทุนได้ทุกที่ ทั้งเว็บวอลเล็ตและแอปต่างก็เป็นวอลเล็ทที่ปลอดภัย ซึ่งหมายความว่า Binance จะปกป้องคีย์ส่วนตัวของคุณให้กับคุณ หรือคุณสามารถดาวน์โหลด Trust Wallet ไปยังโทรศัพท์มือถือของคุณ ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดย Binance เช่นกัน

ถ้าหากว่าเป็นกระเป๋าประเภท non-custodial ตัวเลือกนี้ให้คุณได้ควบคุมกุญแจส่วนตัวและสำรองข้อมูลรหัสผ่าน ถ้าหากว่ากระเป๋าเงินคุณโดนบุกรุกและลืมรหัสผ่าน Binance จะไม่สามารถช่วยให้คุณเข้าใช้งานได้อีก อย่างไรก็ตาม Trust Wallet ยังเปิดโอกาสให้คุณได้เข้าใช้งานแอป decentralized อย่างเช่น Pancakeswap นี้ทำให้คุณได้เข้าถึงเหรียญชั้นนำที่อยู่ใน Binance Smart Chain ได้ ที่กล่าวมาโดยรวมทำให้ Binance เป็นที่ที่ดีที่จะซื้อ altcoins ยอดนิยม ดังเช่น AAVE, Polkadot และ Quant ด้วยค่าธรรมเนียมแสนต่ำ

ใช้งาน Binance Wallet

9. ByBit Wallet – Custodial Wallet ที่รวบรวมรายชื่อ dApp พร้อมรองรับเหรียญคริปโตกว่า 100 สกุล

อีกหนึ่งกระเป๋าเก็บเหรียญดิจิตอลในรายการของเราคือ ByBit ซึ่งเป็น Custodial Wallet ที่เหมาะสำหรับ dApp มากที่สุด นั่นก็เพราะว่า Bybit Wallet มาพร้อมกับระบบรวบรวม dApp ที่เปิดให้เข้าถึงเครือข่าย DeFi, GameFi, และ NFT ได้ ทั้งยังใช้งานง่าย โดยสิ่งที่คุณต้องทำก็มีแค่ต้องเชื่อมต่อเข้ากับบัญชี Bybit เท่านั้น

Bybit Wallet รองรับเหรียญคริปโตกว่า 100 สกุลที่สามารถซื้อผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ยิ่งไปกว่านั้น การฝากเหรียญคริปโตเข้าบัญชียังไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆ ส่วนอีกฟีเจอร์เด่นคือการทำงานร่วมกันแบบ Cross-chain, การจัดการ Airdrop และ Private Key, รวมถึงการจัดการข้อมูลประจำตัวแบบกระจายอำนาจ

Bybit Wallet ขับเคลื่อนโดย Multi-Party Computation (MPC) ซึ่งหมายความว่า Private Key จะถูกเก็บไว้ให้กับหลายๆ ฝ่าย ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการถูกละเมิดความปลอดภัยได้

Bybit Wallet เป็นกระเป๋าเงินที่มุ่งเน้นผู้ใช้เป็นหลัก และสนับสนุนการไม่เปิดเผยตัวตนอย่างแท้จริง กล่าวก็คือ ผู้ใช้จะไม่ต้องแบ่งปันข้อมูลส่วนตัวในการเทรด เพียงแค่ต้องใช้ที่อยู่กระเป๋าเงินของตนเท่านั้น Bybit Wallet ถือว่าเหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักเทรดมืออาชีพที่เน้นไปที่การแบบเทรดสปอตและมาร์จิ้น

ไปยัง ByBit

10. Blockstream Jade – Hardware Wallet แบบโอเพนซอร์สที่ถูกสร้างมาเพื่อเก็บบิทคอยน์และสินทรัพย์สภาพคล่องโดยเฉพาะ

สำหรับนักเทรดมือใหม่และมืออาชีพที่สงสัยว่ากระเป๋าเงินดิจิตอล อันไหนดี? เราก็ขอยกตำแหน่งนี้ให้ Blockstream Jade ด้วยเช่นกัน กล่าวก็คือ นี่เป็น Hardware Wallet แบบโอเพนซอร์สที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถเก็บ Private Key ของเหรียญบิทคอยน์และเหรียญเลเยอร์ 2 ได้ มาพร้อมกับหน้าจอที่ใช้งานง่าย พร้อมให้ผู้ใช้เลือกใช้งานได้แบบไร้รอยต่อ ทั้งยังมีกล้องในตัวที่ใช้ในการทำธุรกรรมผ่านระบบ Air-gapped อีกด้วย

Blockstream Jade ใช้งานโมเดลการรักษาความปลอดภัยที่เป็นเอกลักษณ์อย่างโปรโตคอลการเข้ารหัส Blind Oracle ที่มีการเข้ารหัส Private Key ไว้อย่างแน่นหน้า ทั้งยังมาพร้อมกับระบบป้องกัน Multi-signature และ Single-signature, รหัส PIN ฉุกเฉิน, รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว, และการสนับสนุน SeedQR

ส่วนแอพ Blockstream Green ก็ใช้งานได้บน iOS และ Android รวมถึง Software Wallet ยอดนิยม เช่น Sparrow, Specter, และ Electrum ถือว่า Blockstream Jade เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับนักเทรดที่เดินทางบ่อยๆ เพราะมาพร้อมกับขนาดกะทัดรัด (60 มม. x 24 มม. x 17 มม.) โดยมีน้ำหนักเพียง 21 กรัมและสามารถนำไปคล้องคอได้ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับตัวเลือกการเชื่อมต่อสามแบบ ได้แก่ USB, บลูทูธและ QR อีกด้วย

ไปยัง Blockstream Jade

Bitcoin Wallet คืออะไร?

จริงๆแล้ว กระเป๋าเงิน Bitcoin ช่วยให้คุณสามารถจัดเก็บสกุลเงินดิจิทัลของคุณได้ กระเป๋าเงินนี้เชื่อมต่อกับเครือข่ายบล็อคเชน ทำให้คุณสามารถส่งและรับโทเค็นได้อย่างง่ายดาย กระเป๋าเงินดิจิตอลมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีระดับความปลอดภัยและความสะดวกสบายที่แตกต่างกัน

กระเป๋าเงินบางอันยังมีคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น ความสามารถในการซื้อ ขาย และแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ crypto ซึ่ง mobile wallet สามารถดาวน์โหลดลงในสมาร์ทโฟนของคุณผ่านแอพ iOS หรือ Android เป็นหนึ่งในตัวเลือกการจัดเก็บข้อมูลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด หรือคุณสามารถจัดเก็บโทเค็นของคุณโดยใช้ซอฟต์แวร์เดสก์ท็อป กระดานแลกเปลี่ยนคริปโต หรืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์

ทำไมต้องมี Crypto Wallet?

ผู้ให้บริการกระเป๋าเงิน Bitcoin ที่ดีควรมีฟังก์ชันหลักสามประการ: การจัดเก็บ และความสามารถในการส่งและรับคริปโต หากไม่มีกระเป๋าเงิน คุณจะไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งตลาด crypto ได้

กระเป๋าเงิน Crypto ทำงานคล้ายกับบัญชีธนาคารทั่วไป เมื่อคุณเปิดบัญชีกับสถาบันการเงิน คุณสามารถฝากเงินและเก็บไว้ในนั้นอย่างปลอดภัย หากคุณต้องการส่งเงินให้กับบุคคลอื่น ทั้งคุณและผู้รับจำเป็นต้องมีบัญชี

กระบวนการนี้เปรียบได้กับการใช้ Crypto Wallet สิ่งที่แตกต่างคือคุณกำลังจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลแทนเงินเฟียตทั่วไป และส่งและรับคริปโตเข้าและออกจากกระเป๋า crypto แทนบัญชีธนาคาร

Crypto Wallet ทำงานอย่างไร?

Private Key หรือกุญแจส่วนตัวและกลุ่มคำสำรอง

ก่อนอื่นเลย มาพูดถึงความปลอดภัยของกระเป๋าเงินดิจิตอลกันก่อนดีกว่า ดังที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ บัญชีเงินฝากแบบเดิมนั้นมีความคล้ายคลึงกับกระเป๋าเงินคริปโต และความคล้ายคลึงกันนี้ยังหมายถึงความปลอดภัยด้วย

กระเป๋าเงินคริปโตแต่ละอันจะมีคีย์ส่วนตัวที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งโดยทั่วไปประกอบด้วย 64 อักขระ ผสมทั้งตัวอักษรพิมพ์เล็กและพิมพ์ใหญ่และตัวเลข ซึ่งผู้ให้บริการกระเป๋าเงินส่วนใหญ่จะแปลงคีย์ส่วนตัวของคุณเป็นวลีสำรอง ซึ่งโดยปกติประกอบด้วยคำสุ่ม 12 คำ

หากใครก็ตามมีวลีสำรองของคุณ คนนั้นสามารถเข้าถึงกระเป๋าเงินของคุณจากอุปกรณ์ใดก็ได้ ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะต้องเขียนวลีสำรองของคุณบนแผ่นกระดาษ (ห้ามจดไว้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือถ่ายรูปไว้เป็นอันขาด)และจัดเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย

ที่อยู่กระเป๋าเงินคริปโต

ตอนนี้เราได้กล่าวถึงคีย์ส่วนตัวและรหัสผ่านสำรองแล้ว มาดูที่อยู่กระเป๋าเงินคริปโตกันบ้าง ซึ่งที่อยู่กระเป๋าเงินคริปโตของคุณมีไว้ให้คุณรับเงินได้

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หากคุณต้องการรับเงินเข้าบัญชีเงินฝาก คุณจะต้องแจ้งหมายเลขบัญชีธนาคารเฉพาะของคุณให้กับผู้ส่ง

ที่อยู่กระเป๋าเงินคริปโตเป็นชุดอักขระยาวคล้ายกับคีย์ส่วนตัว ซึ่งแตกต่างจากคีย์ส่วนตัว การแชร์ที่อยู่กระเป๋าเงินคริปโตของคุณกับผู้อื่นนั้นปลอดภัย เนื่องจากผู้อื่นสามารถส่งเงินให้คุณได้เท่านั้น

นี่คือตัวอย่างที่อยู่กระเป๋าเงิน Bitcoin:

1A1zP1eP5QGefi2DMPTfTL5SLmv7DivfNa

ตัวอย่างที่อยู่กระเป๋าเงินที่กล่าวถึงข้างต้นเป็นของ Satoshi Nakamoto ผู้ก่อตั้ง Bitcoin ซึ่งไม่เปิดเผยตัวตน

แม้ว่าดูเผินๆที่อยู่ Bitcoin อาจดูน่าสับสน แต่ผู้ให้บริการกระเป๋าเงิน Bitcoin ชั้นนำหลายเจ้า ทำให้กระบวนการนี้ง่ายขึ้นโดยมีฟีเจอร์ QR code ซึ่งทำให้ผู้ส่งสามารถสแกนบาร์โค้ดเฉพาะของคุณซึ่งเชื่อมกับที่อยู่กระเป๋าเงินของคุณโดยตรง

ค่าธรรมเนียม

เมื่อคุณใช้ crypto wallet เพื่อส่งเงินไปยังที่อยู่อื่น คุณจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเสมอ เนื่องจากธุรกรรมจะได้รับการตรวจสอบโดยนักขุด ซึ่งจะได้รับรางวัลในรูปแบบของคริปโตแลกกับเวลาและทรัพยากรที่ใช้ไป

ค่าธรรมเนียมเฉพาะจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของสกุลเงินดิจิทัลที่ส่งและระดับความแออัดปัจจุบันของเครือข่าย ไม่ว่าคุณจะส่งเงินจากกระเป๋าเงินของคุณเมื่อไหร่ ค่าธรรมเนียมจะถูกหักออกจากจำนวนเงินที่ทำธุรกรรม

ประเภทของบัญชี Bitcoin Wallet

Software Wallet

การใช้ซอฟต์แวร์วอลเล็ต คุณสามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายบล็อคเชนจากที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะผ่านแอปคริปโตหรือซอฟต์แวร์เดสก์ท็อป ตัวเลือกนี้เป็นที่นิยมในหมู่นักพัฒนาและผู้ที่ต้องการเข้าถึงระบบบล็อคเชนโดยตรง ซึ่งวอลเล็ตบนมือถือใช้งานง่ายและสะดวกสบายมาก โดยเข้าถึงโทเค็นคริปโตได้จากทุกที่

นอกจากสะดวกสบายแล้ว วอลเล็ตบนมือถือก็ให้ความปลอดภัยระดับสูง ตัวอย่างเช่น หากต้องการเข้าถึงแอปวอลเล็ตคริปโต คุณต้องปลดล็อกหน้าจอสมาร์ทโฟนก่อน นอกจากนี้ คุณต้องป้อน PIN สำหรับวอลเล็ตคริปโตของคุณ วอลเล็ตบนมือถือหลายเจ้ายังแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์เวลามีเงินเข้ามา ซึ่งเพิ่มความสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น

Hardware Wallet

Hardware Walletให้ความปลอดภัยระดับสูงสุดในบรรดาตัวเลือกการจัดเก็บคริปโต ไม่ว่าจะใช้ผู้ให้บริการรายใด Crypto Wallet เหล่านี้ออฟไลน์ตลอดเวลา หรือมีอีกชื่อว่า “Crypto Cold Wallet” เนื่องจากวอลเล็ทเหล่านี้ไม่เชื่อมโยงกับเซิร์ฟเวอร์ออนไลน์ใดๆ

แม้ว่า Hardware Wallet จะถูกขโมยไป โจรก็เข้าถึงสินทรัพย์คริปโตของคุณได้ยาก เพราะโจรจะต้องทราบ PIN ของคุณ พอคุณทราบว่ากระเป๋าคริปโตโดนขโมย คุณสามารถควบคุม Hardware Wallet ของคุณได้อีกครั้งโดยการป้อนรหัสผ่านสำรองบนอุปกรณ์อื่น

Paper Wallet

ปัจจุบัน Paper Wallet ไม่ค่อยนิยมใช้กันแล้ว แต่ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเนื่องจากมีความปลอดภัยสูง หลักการคือการพิมพ์ที่อยู่กระเป๋า Bitcoin และคีย์ส่วนตัวของคุณลงบนแผ่นกระดาษจริง

สำหรับนักลงทุนระยะยาว กระเป๋า Paper Wallet อาจเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยม แต่คุณตเองเก็บกระดาษที่มีคีย์ส่วนตัวของคุณไว้ในที่ที่ปลอดภัย

วิธีเลือกกระเป๋าเงินคริปโตที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

มาดูกันว่าผู้ให้บริการ Crypto Wallet รายใดเหมาะกับคุณ ขั้นตอนการเลือกนี้อาจใช้เวลานาน แนะนำว่าให้ใช้เกณฑ์ด้านล่างนี้

ความปลอดภัย

หากต้องการเลือก Crypto wallet ที่ดีที่สุด ให้เน้นความปลอดภัยเหนือสิ่งอื่นใด ระดับความปลอดภัยจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของกระเป๋าคริปโตที่คุณเลือก

ตัวอย่างเช่น หากคุณใช้ Hardware Wallet คุณสามารถมั่นใจได้ในมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณ

หากคุณเลือกใช้ web wallet เช่น Kucoin สิ่งสำคัญคือต้องทำการศึกษาอย่างดี ซึ่ง web wallet ปกติแล้วไม่มีการกำกับดูแล

เมื่อพิจารณาใช้แอป Bitcoin wallet โปรดตรวจสอบว่าผู้ให้บริการมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย เช่น PIN หรือการเข้าสู่ระบบด้วยไบโอเมตริกซ์ เช็คด้วยว่ามีการพิสูจน์ตัวตนแบบสองขั้นตอน ซึ่งเพิ่มระดับความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่งโดยต้องป้อนรหัสที่ส่งไปยังโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมลที่ลงทะเบียนไว้ทุกครั้งที่คุณเข้าใช้วอลเล็ท

Custodianship 

ผู้ให้บริการ Crypto Wallet บางเจ้ามีบริการดูแลคริปโตให้(custodial service) โดยแพลตฟอร์มจะรับผิดชอบในการปกป้องคีย์ส่วนตัวของคุณ

นั่นหมายความว่าคุณสามารถกู้คืนการเข้าถึงบัญชีของคุณได้โดยติดต่อแพลตฟอร์มหากคุณลืมข้อมูลล็อกอิน อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่าคุณเลือกผู้ให้บริการที่มีชื่อเสียงและไว้ใจได้ เนื่องจากแพลตฟอร์มสามารถควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณได้ 100%

การเลือกใช้ crypto wallet แบบ non-custodial หมายความว่าคุณเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าถึงคีย์ส่วนตัวและรหัสผ่านสำรองของคุณ อย่างไรก็ตาม การลืมข้อมูลล็อกอินหรือมีคนอื่นทราบอาจทำให้วอลเล็ทของคุณถูกแฮกได้

ประเภท Wallet 

คุณควรเลือกประเภท Crypto Wallet ที่เหมาะสมที่สุดตามจุดประสงค์การใช้งานและระดับประสบการณ์ของคุณ

พูดอย่างง่ายๆ ก็คือ หากคุณให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและความปลอดภัย เช่นหากคุณส่งและรับเงินบ่อยครั้ง กระเป๋าเงินคริปโตแบบแอปวอลเล็ทบนมือถืออาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

แต่หากคุณให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะกับพอร์ตคริปโตจำนวนมาก กระเป๋า hardware wallet อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

การเทรดและสวอป

ในบรรดากระเป๋าคริปโตหลายๆเจ้าไม่เพียงแต่ให้บริการจัดเก็บและธุรกรรมเท่านั้น แต่ยังอำนวยความสะดวกในการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลอีกด้วย

ตัวอย่างเช่น ลองนึกภาพว่าคุณถือ Bitcoin ไว้ในกระเป๋า mobile wallet เฉยๆ เมื่อราคา Bitcoin เพิ่มขึ้น คุณจึงตัดสินใจขายทำกำไรเป็นดอลลาร์สหรัฐฯแบบทำได้โดยง่าย หากกระเป๋าเงินปัจจุบันของคุณไม่มีความสามารถในการซื้อขาย คุณจึงต้องโอนโทเค็น BTC ของคุณไปยังกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตอีกต่อนึงเพื่อดำเนินการธุรกรรม

ประสบการณ์ผู้ใช้

หากคุณเป็นมือใหม่ในโลกคริปโตและเทคโนโลยีบล็อคเชน การเลือกกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ออกแบบมาสำหรับมือใหม่ถือเป็นสิ่งสำคัญ แพลตฟอร์มอย่าง Best Wallet ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับมือใหม่หัดเทรดคริปโตนี้

การใช้งาน Best Wallet มีคำแนะนำตลอดทุกสเตปต่างๆ เช่น การส่งและรับเงิน ซึ่งกระเป๋าเงินบางประเภท เช่น กระเป๋าเงินเดสก์ท็อป ได้รับการออกแบบมาให้เหมาะกับผู้ใช้ที่มีประสบการณ์ในตลาดสกุลเงินดิจิทัลมาก่อน โปรดคำนึงถึงข้อนี้ด้วยเมื่อทำการพิจารณา

ค่าธรรมเนียม

ดังที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อคุณส่งโทเค็นคริปโตไปยังกระเป๋าเงินอื่น คุณจะต้องเสียค่าธรรมเนียมที่กำหนดโดยบล็อคเชนนั้นๆ ค่าธรรมเนียมนี้อาจผันผวนขึ้นอยู่กับกิจกรรมความแออัดในเครือข่าย โดยจะสูงขึ้นในช่วงที่มีการใช้งานมาก และจะลดลงในช่วงที่มีการใช้งานน้อย

การเลือก Crypto Wallet ดีๆให้คุณส่งเงินได้ในอัตราที่กำหนดโดยไม่มีการบวกกำไรเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ผู้ให้บริการบางรายกำหนดอัตราการโอนแบบคงที่โดยไม่คำนึงถึงค่าธรรมเนียมเครือข่ายปัจจุบัน ณ เวลาที่ทำธุรกรรม

การแจ้งเตือนและการประเมินมูลค่าพอร์ต

ฟีเจอร์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกกระเป๋า Crypto Wallet คือการแจ้งเตือนธุรกรรมแบบเรียลไทม์ ตัวอย่างเช่น การรับเงินc แล้วแจ้งเตือนบนมือถือ ทำให้คุณทราบข้อมูลทันที

นอกจากนี้ ผู้ให้บริการกระเป๋าคริปโตดีๆ ในตลาด นี้ยังมีฟีเจอร์การอัปเดตแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับการประเมินมูลค่าพอร์ตคริปโตของคุณ โดยแสดงเป็นสกุลเงินที่คุณต้องการ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้คุณทราบข้อมูลเกี่ยวกับมูลค่าปัจจุบันของการลงทุนของคุณตลอดเวลา

บทสรุป

เราได้รีวิวกระเป๋าเงินคริปโตมากมาย อย่างละเอียด สำหรับบทความ Crypto Wallet ที่ดีที่สุดนี้ โดยโฟกัสที่ความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้งาน กระเป๋าคริปโตที่เชื่อถือได้ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนคริปโตทุกคน เนื่องจากจะช่วยให้สินทรัพย์ของคุณปลอดภัยและธุรกรรมของคุณมีประสิทธิภาพ

สรุปแล้ว การรวบรวมข้อมูลของเราสรุปได้ว่าว่า Best Wallet เป็นกระเป๋าเงินคริปโตโดยรวมที่ดีที่สุดสำหรับปี 2024 กระเป๋าเงินนี้มีความปลอดภัยมากและรองรับเหรียญมากกว่า 10,000 เหรียญและบล็อคเชน 40 แห่ง

ไปยัง Best Wallet ตอนนี้

คำถามที่พบบ่อย